ดูหนัง The Unthinkable (2018) เต็มเรื่อง นอกเหนือจากความน่าดึงดูดใจของภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว “The Unthinkable” ยังได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางจากการเล่าเรื่องและการดำเนินเรื่อง ต่อไปนี้เป็นแง่มุมเพิ่มเติมบางประการที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ที่น่าทึ่ง:
การเล่าเรื่องหลายชั้น: การเล่าเรื่องผสมผสานการเดินทางส่วนตัวของตัวละครหลักเข้ากับความหมายในวงกว้างของโลกที่สับสนวุ่นวาย การเล่าเรื่องที่หลากหลายแง่มุมนี้ช่วยเพิ่มความลึกและความซับซ้อนให้กับโครงเรื่อง ทำให้เป็นมากกว่าภาพยนตร์เกี่ยวกับภัยพิบัติ
การพัฒนาตัวละคร: ตัวละครใน “The Unthinkable” ไม่ใช่ฮีโร่ในมิติเดียว พวกเขาเป็นบุคคลที่มีข้อบกพร่องและเข้าถึงได้ซึ่งมีวิวัฒนาการตลอดทั้งเรื่อง ผู้ชมเห็นการเติบโตของพวกเขา และการพัฒนาตัวละครนี้เพิ่มน้ำหนักทางอารมณ์ให้กับเรื่องราว
ความตึงเครียดและความสงสัย: ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างความตึงเครียดและความสงสัยอย่างเชี่ยวชาญ ทำให้ผู้ชมแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ ไม่ว่าจะเป็นการหลบหนีจากอันตรายอย่างเจ็บปวดหรือการตัดสินใจที่ทำให้หัวใจบีบคั้น “The Unthinkable” ก็รักษาบรรยากาศที่น่าดึงดูดใจตั้งแต่ต้นจนจบ
เพลงประกอบภาพยนตร์: ดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่แต่งโดยกุสตาฟ สเปตซ์ ช่วยเพิ่มอารมณ์ความรู้สึกของเรื่องราว เพลงประกอบฉากแอ็คชั่นบนหน้าจอ Wowgame191 ทำให้เกิดประสบการณ์ที่น่าจดจำและน่าดื่มด่ำ
Exploration of Human Nature: นอกเหนือจากสถานการณ์ภัยพิบัติแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเจาะลึกถึงส่วนลึกของธรรมชาติของมนุษย์ โดยจะตรวจสอบว่าผู้คนมีปฏิกิริยาอย่างไรภายใต้ความเครียดขั้นสุด โดยเน้นทั้งด้านที่เลวร้ายและดีที่สุดของมนุษยชาติ
วิชวลเอฟเฟกต์อันน่าทึ่ง: วิชวลเอฟเฟกต์และการแสดงผาดโผนของภาพยนตร์ไม่ใช่แค่การทำลายล้างเท่านั้น พวกเขาเป็นส่วนสำคัญในการเล่าเรื่อง ตั้งแต่ทิวทัศน์อันน่าทึ่งไปจนถึงฉากแอ็กชั่นที่ทำให้หัวใจเต้นแรง ภาพใน “The Unthinkable” ไม่มีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจเลย
ความเห็นทางสังคม: แม้ว่าหนังระทึกขวัญเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเสนอความคิดเห็นทางสังคมเกี่ยวกับการพึ่งพาเทคโนโลยีและธรรมชาติที่เปราะบางของโลกที่เชื่อมโยงถึงกันของเรา กระตุ้นให้ผู้ชมไตร่ตรองถึงความเปราะบางของสังคมยุคใหม่ของเรา
โดยสรุป ดูหนัง The Unthinkable (2018) เต็มเรื่อง
เป็นผลงานชิ้นเอกทางภาพยนตร์ที่ก้าวข้ามประเภทของภาพยนตร์ด้วยการผสมผสานภาพที่น่าทึ่ง ส่วนโค้งของตัวละครที่น่าดึงดูด และการเล่าเรื่องที่น่าดึงดูด สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมด้วยการสำรวจความสามารถในการฟื้นตัวของมนุษย์และพลังแห่งความรักและการไถ่ถอนที่ยั่งยืน ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของโลกที่กำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนภาพยนตร์เกี่ยวกับภัยพิบัติหรือเพียงชื่นชอบการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์มาอย่างดี อัญมณีแห่งสวีเดนแห่งนี้ก็เป็นรายการที่ห้ามพลาดซึ่งจะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม
เค้าเรื่อง ในปี 2005 อเล็กซ์อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งกับแม่แล้วก็บียอร์น บิดาที่หยาบและไม่รักของเขา แม่ของเขาออกมาจากครอบครัวไป และก็แอนทุ่งนาคู่หูของอเล็กซ์ย้ายไปสตอกโฮล์ม อเล็กซ์ตกลงใจทิ้งบิดารวมทั้งย้ายไปอยู่กับพี่น้อง 4
สิบปีถัดมา อเล็กซ์อาศัยอยู่ที่สตอกโฮล์ม รวมทั้งเดี๋ยวนี้เป็นนักเปียโนโด่งดัง ในตอนกึ่งกลางหน้าร้อน มีเหตุระเบิดหลายคราวในกรุงสตอกโฮล์ม อเล็กซ์แยกทางกับผู้จัดการของเขาแล้วก็ตกลงใจกลับไปที่หมู่บ้านถิ่นกำเนิดเพื่อซื้อเปียโนของโบสถ์ที่เขารวมทั้งแอนทุ่งนาเคยเล่นเมื่อตอนเด็กๆตรงนั้น อเล็กซ์ได้เจอกับแอนท้องนาอีกทีซึ่งได้ย้ายกลับมาที่หมู่บ้านแล้ว การจู่โจมในประเทศสวีเดนไม่ดีเพิ่มขึ้น โดยรวมถึงผู้คนที่ขับขี่รถแล้วก็ชนรถยนต์อย่างประมาทสะเพร่าในฤดูร้อนที่มีฝนตก โครงข่ายกระแสไฟฟ้าและก็โทรศัพท์มือถือถูกจู่โจมและไม่สามารถใช้งานได้
ในขณะเดียวกันในหมู่บ้านถิ่นกำเนิดของอเล็กซ์ บียอร์น บิดาของเขาต่อสู้กับกรุ๊ปติดอาวุธไม่ให้เข้าไปในพื้นที่หวงห้ามซึ่งมีโครงข่ายกระแสไฟฟ้าเข้าถึง ข้าราชการมาตรงนี้เพื่อสืบเสาะหาความปลอดภัยในบ้านพักอิงและก็อเล็กซ์และก็แอนทุ่งนา พวกเขาติดต่อกับกองทัพทางวิทยุแล้วก็ไปพบพวกเขาที่โบสถ์ประจำหมู่บ้าน เฮลิคอปเตอร์ยิงใส่พวกเขา แม้กระนั้นBjörn นำเฮลิคอปเตอร์ลงจากเรือบินของเขาได้ ช่วยอเล็กซ์แล้วก็แอนทุ่งนาได้ อย่างไรก็ดี เรือบินของBjörn ตก
ภาพยนตร์หัวข้อนี้สิ้นสุดลงด้วยฉากหนึ่งในโบสถ์ประจำหมู่บ้าน ซึ่งถูกทำลายและก็ถูกไฟลุก อเล็กซ์ยืนอยู่กึ่งกลางฝนโดยหันไปทางแอนที่นาในที่ซ่อนของโบสถ์ ดูเหมือนจะความจำเสื่อมปัจจุบันของเขาเหตุเพราะอาวุธเคมีในฝน แอนทุ่งนาถูกทหารพาตัวไป คลิปท้ายที่สุดของภาพยนตร์หัวข้อนี้มีปูว่ากล่าวนซึ่งบอกเป็นนัยว่ารัสเซียอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังการจู่โจม
ถึงจะพูดว่าแอคชั่นไม่เน้นย้ำ แม้กระนั้นหนังก็มีความตื่นเต้นในแบบที่น่าจำเข้ามาทดแทนหลายฉากจัดว่าวางแบบมางามและก็น่าสะพรึงกลัวมากมาย อย่างฉากที่นักแสดงหนึ่งกำลังหนีจากการไล่ล่าของบางสิ่งไปตามถนนหนทาง แล้วจะต้องพบกับรถยนต์ที่ไม่มีการควบคุมหลายต่อหลายคัน มันเป็นการชนกันที่งามมากมายๆสมจริงสมจังมากมายๆฉากหนึ่งเลย มันทำให้พวกเราคิดว่าผุ้ควบคุมดอเนลล์เป็นคนมีของคนหนึ่ง ที่ผสมอาร์ตกับแมสได้อย่างน่าดึงดูดทีเดียว ยังไม่รวมทั้งการวางแบบการเล่าเรื่องที่ขยี้เหมือนกับหนังประเทศญี่ปุ่น ที่ทำเอาพวกเราจะต้องถอนใจด้วยความหม่นหมองรวมทั้งเสียดายไปกับผู้แสดงอีกหลายครา หนึ่งในนั้นเป็นฉากสั้นๆที่กระเทือนใจพวกเราไปแทบจะทั้งยังเรื่องเพียงการมิได้รับสายโทรศัพท์ก็ทำเอาจุกไปหลายระดับได้อย่างยิ่งจริงๆ
โดยสรุปนี่เป็นหนังสายดราม่าประสิทธิภาพที่มีเบื้องหลังเกิดเรื่องราวตื่นเต้น
หาพร้อมทั้งการปรับแก้ข้อผิดพลาดในชีวิตของนักแสดงแต่ละตัว ทั้งมีหลักสำคัญเสียดสีสังคมรวมทั้งการบ้านการเมืองได้น่าจุกพอกัน เป็นหนังประเทศสวีเดนที่อาจจะมิได้พบเสมอๆผู้ชมสายแอคชันอาจไม่ประทับนัก สำหรับคนธรรมดาทั่วไปคงจะให้แต้มอยู่ที่ราว 6-7 คะแนน
การสร้าง
การคลัง การจัดหารายได้ทุนสำหรับภาพยนตร์หัวข้อนี้เริ่มจากแผนการระดมทุนผ่าน Kickstarter ในปี 2015 โดยแผนการนี้ได้รับเงิน 800,000 วัวรนประเทศสวีเดน (100,000 ดอลลาร์) ภายหลังการระดมทุนทีแรกจากการระดมทุนจากมวลชน ภาพยนตร์หัวข้อนี้ได้รับเงินลงทุนแบบเริ่มแรกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจาก SF Bio, Svenska Bio และก็อื่นๆงบประมาณท้ายที่สุดของภาพยนตร์หัวข้อนี้เป็น 18.5 ล้านวัวรนประเทศสวีเดน (2.2 ล้านดอลลาร์
ดนตรี กุสตาฟ สเปตซ์ เขียนเพลงประกอบภาพยนตร์หัวข้อนี้ มีเวอร์ชันหนึ่งของเพลงสวดหน้าร้อนแบบเริ่มแรกของประเทศสวีเดน Den blomstertid nu kommer ต่อจากนั้นก็เลยตั้งชื่อภาพยนตร์ประเด็นนี้ เพลงสวดนี้เกี่ยวกับหน้าร้อน และก็ภาพยนตร์หัวข้อนี้มีฉากเกิดขึ้นในตอนกึ่งกลางหน้าร้อน
ภาพยนตร์ประเด็นนี้เข้าฉายในประเทศสวีเดนช่วงวันที่ 20 เดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2561 สองวันก่อนกึ่งกลางหน้าร้อนในประเทศสวีเดน โดยตัวภาพยนตร์มีระบุถ่ายทำในตอนกึ่งกลางหน้าร้อน ชื่อภาพยนตร์ภาษาประเทศสวีเดนเป็นชื่อของเพลงสวดเริ่มแรกที่เกี่ยวโยงเป็นอย่างมากกับหน้าร้อน Den blomstertid nu kommer
ในตอนสุดสัปดาห์แรกภายหลังออกฉาย ดูหนัง The Unthinkable (2018) เต็มเรื่อง เป็นภาพยนตร์ที่มีผู้ชมเยอะที่สุดเป็นชั้นสองในโรงหนังในประเทศสวีเดน ในมี.ค. ปี 2019 บริษัทได้ประกาศจัดจำหน่ายภาพยนตร์หัวข้อนี้ให้กับ 100 ประเทศ ทำให้เป็นเยี่ยมสำหรับในการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศสวีเดนในปี 2018
แน่ๆว่า พวกเรามาดูกันว่าอะไรที่ทำให้ “The Unthinkable” เป็นภาพยนตร์ที่มีค่าแก่การเฉลิมฉลองถัดไป:
มุมมองทางด้านวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์: ในฐานะภาพยนตร์ประเทศสวีเดน “The Unthinkable” เสนอมุมมองทางด้านวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เกี่ยวกับชนิดภัยอันตราย โดยจะชี้แนะให้ผู้ชมได้ทราบจะกับภูมิทัศน์แล้วก็วัฒนธรรมของสแกนดิเนเวีย ซึ่งผู้ชมจากต่างแดนบางทีอาจไม่คุ้นเคย ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดใจอีกขั้นหนึ่ง
ความเป็นสุดยอดด้านภาพยนตร์: ทางเทคนิคของภาพยนตร์ และก็การถ่ายรูปยนตร์ การตัดต่อ และก็การออกแบบเสียง มีคุณภาพสูงสุด แต่ละเฟรมได้รับการผลิตสรรค์อย่างประณีตเพื่อถ่ายทอดทั้งยังความสวยงามของโลกธรรมชาติแล้วก็ความสับสนวุ่นวายของสังคมที่วุ่นวาย
ธีมสากล: ถึงแม้ว่าภาพยนตร์ประเด็นนี้จะถ่ายทำในประเทศประเทศสวีเดน ธีมของความรัก ครอบครัว การดำรงชีวิต แล้วก็จิตวิญญาณของผู้คนที่ไม่ยอมแพ้ก็มีความเชื่อมโยงกันในระดับสากล ผู้ชมจากภูมิหลังที่มากมายสามารถเชื่อมโยงกับนักแสดงแล้วก็การต่อสู้ดิ้นรนของพวกเขาได้
ผู้เริ่มการอภิปราย: “สิ่งที่คิดไม่ถึง” มีพลังสำหรับในการจุดประกายการคุยกันแล้วก็การโต้วาทีที่สื่อความหมาย กระตุ้นให้ผู้ชมพิเคราะห์ปริศนาเกี่ยวกับการตระเตรียม ผลปรากฏว่าของการพึ่งพิงเทคโนโลยี รวมทั้งช่วงเวลาที่ผู้คนจะใช้เพื่อปกป้องรักษาผู้ที่ตนรัก
ความสัมพันธ์: ในสมัยที่ความวิตกกังวลมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับวิกฤติการณ์ทั่วทั้งโลกรวมทั้งช่องทางที่จะกำเนิดภัยขนาดใหญ่ “The Unthinkable” เจาะลึกถึงความรู้สึกวิตกกังวลร่วมยุค มันปฏิบัติภารกิจเป็นภาพสะท้อนที่กระตุ้นความนึกคิดเกี่ยวกับความเปราะบางของโลกยุคใหม่ของพวกเรา
แรงผลักดัน: สุดท้ายแล้ว “The Unthinkable” เป็นเรื่องราวที่ความคาดหวังแล้วก็ความยืดหยุ่น เป็นแรงดลใจให้ผู้ชมตรึกตรองความรู้ความเข้าใจของตัวเองในความกล้าและก็ความเอาจริงเอาจังสำหรับการพบเจอกับความลำบากตรากตรำ สร้างเสริมความรู้สึกของการเสริมพลังรวมทั้งความศรัทธาในความรู้ความเข้าใจของผู้คนสำหรับการเอาชนะกระทั่งความท้าที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด
ในแวดวงภาพยนตร์เภทภัย “The Unthinkable” นับว่าเป็นการบรรลุผลที่สะดุดตา ความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการผสมฉากแอ็กชันที่บีบหัวใจกับอารมณ์ที่สะท้อนอย่างถ่องแท้ พร้อมกันไปกับการสำรวจธีมที่เป็นสากลรวมทั้งจุดสำคัญทางด้านวัฒนธรรม ทำให้ภาพยนตร์หัวข้อนี้แปลงเป็นเพชรนิลจินดาที่ภาพยนตร์ที่ยังคงได้รับการเฉลิมฉลองรวมทั้งจำจากผู้ชมทั้งโลก ไม่ว่าคุณกำลังมองหาเครื่องเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจหรือการสำรวจลักษณะเด่นแล้วก็ข้อเสียของมนุษยชาติโดยกระตุ้นความนึกคิด ผลงานชิ้นยอดเยี่ยมของประเทศสวีเดนนี้มีครบทุกสิ่งทุกอย่าง
ดูหนัง The Unthinkable (2018) เต็มเรื่อง เป็นหนังที่ฟอร์มไม่ใหญ่มาก แม้กระนั้นเพียงพอพวกเราได้มองเห็นแบบอย่างและก็รายละเอียดเรื่องย่อนิดหน่อย ก็น่าดึงดูดและก็ต้องการมองอยู่แบบเดียวกัน เป็นหนังชนชาติประเทศสวีเดน ที่คำติชมออกมาดีจนถึงต้องการไปพิสูจน์เลย
เรื่องราวแปลกๆเกิดขึ้นเมื่อเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งกำเนิดวินาศการณ์กระหน่ำโดยไม่คาดคิด และไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ “ อเล็กซ์ (Christoffer Nordenrot) “ ก็เลยหาทางกลับไปพบ “ แอนที่นา (Lisa Henni) “ แฟนที่เขากำลังอุตสาหะสานสโมสรตั้งแต่วัยเด็ก แต่ว่าวิกฤตินี้ ก็ทำให้เขาได้พบบิดาที่มิได้เจอะกันยาวนานหลายปีด้วย
ตัวหนังเล่าก้าวหน้าในระดับที่ถูกใจ แล้วก็ค่อยๆเป็น ค่อยๆไปมากมายอย่างยิ่งจริงๆ ปูเรื่องราวได้ออกจะที่จะละเอียดมาก เริ่มตั้งแต่วันเด็กกันเลยก็ว่าได้
จนถึงพวกเราจำต้องผลักคิดในหัวเลยว่า “ นี่พวกเราดูหนังไม่ถูกเรื่องหรือไม่ “ เพราะเหตุว่าตลอดทางตั้งแต่เริ่มมา หนังมาทางดราม่าที่แน่นไปหมด กับเรื่องราวชีวิตของผู้แสดง “ อเล็กซ์ “ ซึ่งมีก็เพียงแต่ความหมองมาตลอด แม้กระนั้นถามคำถามว่าหนังทำในส่วนของความดราม่าเจริญมั้ย ตอบเลยว่าดีเลิศ พาผู้ชมเบาๆดำตรงสู่ห้วงอารมณ์ แล้วก็ความรู้สึกต่างๆของผู้แสดงได้ดีมากๆเลยทีเดียว
ถึงแม้หนังจะเน้นย้ำความดราม่าเต็มแรง แต่ว่าก็ยังแทรกซึมความล่มจมเข้ามาให้มองระทึก
ตื่นเต้น และก็เชื้อเชิญลึกลับ พร้อมให้ผู้ชมเชิญขบคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า มันเป็นยังไงกันแน่ ซึ่งหนังทำออกมาก้าวหน้า ไม่เล่นใหญ่มาก แต่ว่าจัดแต่ละฉากมาก็เอาการไม่น้อยเลยก็ว่าได้
หนังมิได้บอกเหตุผลและก็จุดโฟกัสมากพอว่าเรื่องราวนั้นมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และก็เหตุผลทำไม พวกเราบางทีก็อาจจะทราบเพียงแต่ว่าคนไหนอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง ราวกับหนังทำมาเพื่อกัดแซะฝูงชนเบื้องหน้าเบื้องหลังนั่นแหละ เพียงแค่มันมิได้เอาจุดนี้มายกเรื่องยังไง หนังมันดันไปให้ความเอาใจใส่ของความเชื่อมโยงผู้แสดงนำชายมากจนเกินไป มันก็เลยกำเนิดความเหนื่อยหน่ายซะส่วนมาก หากหนังจะเล่นใจความสำคัญเหตุกระหน่ำประเทศสวีเดนนั้น หนังมันคงจะสนุกสนานกว่านี้มากมาย
ผู้แสดงแต่ละคนในเรื่องก็จัดว่าปฏิบัติหน้าที่ในหน้าที่ของตนเองได้พอใช้ ไม่ถึงกับห่วยแตก แต่ว่าก็ไม่น่าซาบซึ้งใจสักเท่าไหร่ ผู้ที่เล่นดีสุดในเรื่องก็น่าจะเป็นบทบิดาของดารานำชาย ในซีนอารมณ์ต่างๆที่ดีแบบสะดุดตาจากคนอื่นๆแบบสุดๆอีกหนึ่งจุดที่น่ากล่าวยกย่องเป็นพวก ฉาก เอฟเฟคแล้วก็การถ่ายทำต่างๆหนังประเด็นนี้โดยภาพรวมทำออกมาได้ออกจะดีอย่างยิ่งจริงๆ
สรุปแล้ว ดูหนัง The Unthinkable (2018) เต็มเรื่อง เป็นหนังที่มีเค้าเรื่องหรือตัวบทที่เพียงพอจะน่าดึงดูดนะ แม้กระนั้นราวกับจุดโฟกัสไม่ถูกจุดไปซะหน่อยเลยทำให้เปลี่ยนเป็นน่าระอาแทน สำหรับคนใดความคาดหวังว่าจะเข้าไปพบหนังภัย เอเลี่ยนบุกโลก ก็บางครั้งอาจจะจำต้องผิดหวังซะหน่อย หนังจะเน้นย้ำการคุยกันและก็วนเวียนกับความรู้สึกผู้แสดงนำชายซะโดยมาก